วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

สูตรทำวาฟเฟิล

สูตรทำวาฟเฟิล










ขนมรังผึ้งหรือวาฟเฟิล (waffle) 7 สูตร

ขนมรังผึ้ง

ส่วนผสม
แป้งถั่วเหลือง 2+1/2 ถ้วย
นมถั่วเหลือง 1 ถ้วย
น้ำมันถั่วเหลือง 1/2 ถ้วย
ไข่แดงตีพอแตก(ขนาดกลาง) 5 ฟอง
เกลือป่นเสริมไอโอดีน 1/2 ช้อนชา
วานิลลา 2 ช้อนชา
ไข่ขาว(ขนาดกลาง) 5 ฟอง
น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี 3/4 ถ้วย

วิธีทำ
1.ผสมแป้งถั่วเหลือง นมถั่วเหลืองและเกลือ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
แล้วค่อยๆเทน้ำมันผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน ใส่ไข่แดงเคล้าผสมให้ทั่ว อย่าให้แป้งเป็นเม็ด

2. ตีไข่ขาวให้ขึ้นฟูแข็ง ค่อยๆโรยน้ำตาลทีละน้อยจนหมด
3. เทส่วนผสมในข้อที่ 1 ลงในส่วนผสมข้อที่ 2 ใช้พายคนไปทางเดียวกันเบาๆ ให้เข้ากัน
ใส่วานิลลา คนอีกครั้ง

4. ตักหยอดใส่พิมพ์ขนมรังผึ้ง(ใช้พิมพ์รังผึ้งไฟฟ้าจะดีที่สุด ถ้าไม่มีพิมพ์ก็ใช้หยอดบนกะทะแบนที่ทาน้ำมัน
ทำเช่นเดียวกับแพนเค้กหรือถ้ามีเตาอบก็ใส่ถ้วยอบ หรือใช้อบพิมพ์ขนมไข่ ก็ได้เช่นกัน)




ขนมรังผึ้งหรือ Waffle

ใครที่กำลังมองหาสูตรขนมเด๊ดๆ ที่ทำขายได้ ก็ขนมวอฟเฟิลนี่หล่ะค่ะ ทำง่ายขายคล่อง ลงทุนก็น้อย
แถมดัดแปลงสูตรเฉพาะได้หลากหลาย ทำรับประทานกันเองที่บ้านก็สนุกสนานดีค่ะ

ส่วนผสม
แป้งเค้กตราพัดโปก 2 ถ้วยตวง
ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
เนยสดละลาย 1/2 ถ้วย
ไข่แดง 2 ฟอง
นมข้นจืด 2/3 ถ้วย
น้ำหอมกลิ่นวานิลา 1/2 ช้อนชา
ไข่ขาว 2 ฟอง

วิธีทำ
1. ร่อนแป้งตราพัดโบก กับผงฟูเข้าด้วยกัน เทน้ำตาลทรายลงผสมเข้าด้วยกันในอ่างผสม
2. ทำแป้งเป็นบ่อตรงกลาง เติมเนยละลาย ไข่แดง นมข้มจืด น้ำ และกลิ่นวานิลาลงไป
3. ใช้ตะกร้อมือคนจนทั่วให้ส่วนผสมเข้ากันดี แล้วพักไว้
4. ใช้เครื่องผสมอาหารขนาด 5 ลิตร ตีไข่ขาวด้วยหัวตีรูปตะกร้อ
ตีโดยใช้ความเร็วสูง หรือเกียร์3 จนกระทั่งไข่ขาวตั้งยอดแข็ง
5. เทส่วนผสมของไข่แดงลงในไข่ขาว คนตะล่อมให้ส่วนผสมเข้ากัน
6. เทลงบนแม่พิมพ์ของเตาทำขนมวาฟเฟิลที่เปิดเครื่องไว้แล้วที่ไฟปานกลาง
อบจนกระทั่งไม่มีไอน้ำระเหยออกมา และขนมเหลืองสุกทั้งสองด้าน

TIP
คุณสามารถดัดแปลง โดยการใส่ลูกเกด หรือข้าวโพดหรืออื่นๆ ตามชอบ ลงในขนมวาฟเฟิลได้
โดยการโรยลงบนขนมหลังจากเทส่วนผวมลงในแม่พิมพ ์แล้วจึงค่อยปิดเตา




ขนมรังผึ้ง

ส่วนผสม
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ
ผงฟู1/4 ช้อนชา
ยีสต์ 1/4 ช้อนชา
ไข่ไก่ 4 ฟอง
น้ำสะอาด 6 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1.ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งสาลี ผงฟู ยีสต์ น้ำตาลทราย เทใส่ในชาม คนให้เข้ากัน
2.จากนั้น เทน้ำใส่ลงไป เสร็จแล้วก็นวดให้ส่วนผสมแป้งเข้ากันกับน้ำ
3.ตอกไข่ใส่ชามแล้วตีให้ไข่แตก เสร็จแล้วเทไข่ที่ตีไว้ใส่ลงในชามแป้ง แล้วก็คนให้ส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
4.ปิดฝาหมักทิ้งไว้อย่างน้อย ๑ ชั่วโมง
5.เสร็จแล้วก็เอามาหยอดใส่พิมพ์ได้ โดยใช้ไฟปานกลาง




วาฟเฟิลเนยสดราดซอสเลมอน

ส่วนผสม
แป้งสาลีเอนกประสงค์ 250 กรัม
ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 100 กรัม
เกลือ 4 ช้อนชา
ไข่ 4 ฟอง
นมสด 250 กรัม
เนยสดเค็มละลาย 150 กรัม

วิธีทำ
1. ผสมแป้ง น้ำตาล ผงฟู เกลือ คนให้เข้ากัน
2. ใส่ไข่ลงไป คนให้เข้ากัน
3. ส่นมและเนยละลาย คนให้เข้ากัน
4. ตั้งพิมพ์วาฟเฟิลให้ร้อน ทาเนยให้ทั่ว หยอดส่วนผสมวาฟเฟิล ลงไปในพิมพ์ ทิ้งไว้จนสุก นำขึ้นมาพักไว้


ส่วนผสมซอสเลมอน
น้ำมะนาวเหลือง (ประมาณ 1 ผล) 50 กรัม
น้ำตาล 70 กรัม
แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 200 กรัม

วิธีทำ
คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ตั้งไฟคนจนข้น ยกลง ทิ้งไว้ให้เย็นเมื่อได้ซอสเลมอน
นำไปราดวาฟเฟิลให้ทั่ว รับประทานทันที

อร่อยดี ที่เชียงใหม่ ร้าน Eat Me โทร. 053-895-599
โดย มูลนิธิโครงการหลวง




วาฟเฟิลผลไม้ตุ๋นน้ำเชื่อม

ส่วนผสมผลไม้ตุ๋น :
ผลไม้สดตามต้องการ 200 กรัม
น้ำตาลทรายลิน 2 ถ้วย
น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ เครื่องปรุงผลไม้ตุ๋น :
1. นำหม้อใส่ผลไม้ น้ำตาล เกลือ น้ำเปล่าลงไปต้มให้เดือด และลดไฟลงไปตุ๋นให้ผลไม้สุก น้ำเชื่อมเหนียวขึ้น
2. ปิดไฟ ใช้ราดวาฟเฟิล

ส่วนผสม:
แป้งแพนเค้กตราอิมพีเรียล 400 กรัม
นมสด 190 กรัม
เนยละลาย 1/2 ถ้วย
ไข่ไก่ 2-3 ฟอง
น้ำตาลทรายลิน 1/4 ถ้วย

วิธีทำ:
1. นำส่วนผสมทั้งหมดเทลงในชามผสม ตีให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน
เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันแล้วทิ้งไว้ 5 นาที
2. อุ่นเครื่องทำวาฟเฟิลไว้ให้ร้อน ตักส่วนผสมแป้งใส่ลงบนเครื่องทำวาฟเฟิลปิดฝาอบจนแป้งสุก
3. ตักวาฟเฟิลที่สุกแล้วออกวางลงบนจาน ตักผลไม้ตุ๋นราดลงไปบนวาฟเฟิล ยกเสริ์ฟทันที




Belgium waffle

เวลาเตรียม 60 นาที เวลาปรุง 30 นาที สูตรนี้พิเศษที่ผิวนอกกรอบหอม แป้งในนุ่มหยุ่นคล้ายขนมปังเนยสด
หอมหวานน้ำผึ้งกำลังดี รับรองว่า วาฟเฟิลสูตรนี้อร่อยไม่แพ้ร้านไหนๆ แน่นอน

ส่วนผสม (16 ที่)
แป้งสาลีสำหรับทำขนมปัง 1 ถ้วย
แป้งสาลีสำหรับทำเค้ก 1+1/2 ถ้วย
น้ำตาลทรายขาว 3 ช้อนโต๊ะ
ยีสต์ผง 1 ช้อนโต๊ะพูน
นมผง 2 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ 2 ฟอง
นมสดชนิดจืดอุ่น 2 ช้อนโต๊ะ
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำผึ้งอย่างดี 2 ช้อนโต๊ะ
กลิ่นวานิลา 1 ช้อนชา
เนยสดชนิดจืด 3/4 ถ้วย
น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี 2 ช้อนโต๊ะ
ช็อกโกแลตชิป 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่นเล็กน้อย

วิธีทำ
1. ใส่แป้งสาลีทั้งสองชนิด น้ำตาลทราย ยีสต์และนมผง ลงในอ่างผสม พักไว้
2. ผสมเกลือป่น ไข่ไก่ นมสด โยเกิร์ต น้ำผึ้งและวานิลาให้เข้ากัน แล้วเทใส่ส่วนผสมแป้ง
นวดให้เข้ากันนานประมาณ 5 นาที

3. ใส่เนยแล้วนวดต่ออีกประมาณ 5นาที จนก้อนโดเหนียวนุ่ม
จากนั้นพักโดไว้ให้ขึ้นเป็นสองเท่านาน 20 นาที

4. นำโดที่พักได้ที่แล้ว มานวดไล่อากาศและเติมน้ำตาลทรายไม่ฟอกสีและช็อกโกแลตชิป นวดให้เข้ากัน
แล้วแบ่งโดเป็นก้อนๆละ 40 กรัม ปั้นเป็นก้อนกลมพักไว้ให้ขึ้นอีก 30 นาที

5. เปิดเครื่องทำวาฟเฟิลไว้ให้ร้อน ทาเนยบางๆ วางก้อนโดที่ขึ้นดีแล้วลงตรงกลาง ปิดฝา
อบประมาณ 1–2 นาที (แล้วแต่รุ่นและความร้อนของเครื่องทำวาฟเฟิล)เสิร์ฟร้อนๆกับผลไม้และวานิลาซอส

ส่วนผสมวานิลาซอส
ไข่แดง 2 ฟอง
นมสดชนิดจืด 1 ถ้วย
น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
เนยสดชนิดจืด 1 ช้อนโต๊ะ
กลิ่นวานิลา 2 ช้อนชา

วิธีทำ
ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงในหม้อ ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากันดี
นำไปตั้งไฟอ่อนๆ หมั่นคนจนกระทั่งซอสเดือดและข้นขึ้น ปิดไฟและพักไว้ให้เย็น




‘วาฟเฟิลโยเกิร์ต’ ทำเงินได้ ‘หลายสไตล์’

“ขนมเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่มีการพลิกแพลงไปเรื่อย ๆ อย่าง “วาฟเฟิลโยเกิร์ต” ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
ที่แปลกใหม่และกำลังเป็นที่นิยม วันนี้ทีมงาน “ช่องทางทำกิน” จะพาไปรู้จักเจ้าขนมทำเงินตัวนี้...

นงคราญ ธาระรูป ผู้ขาย “วาฟเฟิลโยเกิร์ต” เล่าว่า คลุกคลีกอยู่กับอาชีพค้าขายมานานแล้ว
เริ่มจากเปิดร้านขายเสื้อผ้าบูติก และต่อมาได้ขยับขยายเปิดร้านขายและให้เช่าวิดีโอ ซึ่งตอนนั้นเป็นที่นิยมกันมาก
จนเมื่อปี 2540 ธุรกิจประสบภาวะวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ก็เลยเลิกกิจการไป แต่ก่อนหน้านั้นก็ได้ไปเรียน
ทำขนมประเภทเครป,วาฟเฟิล และได้ทำขายเป็นอาชีพเสริมอยู่แล้ว ก็มีรายได้จากส่วนนี้พอสมควร

ธุรกิจหลักได้ยุติไปกับเศรษฐกิจที่พลิกผัน แต่ยังมีธุรกิจค้าขายแบบพอเพียงอยู่ จึงทำให้ไม่เดือดร้อนมากนัก
และต่อมาเจ้าธุรกิจเล็ก ๆ นี้ก็ได้กลายเป็นธุรกิจสายเลือดหลักที่หล่อเลี้ยงครอบครัวมาจนบัดนี้

“เราไม่มีร้านค้าประจำ เพราะต้องหาทำเลที่ดีมาก ๆ และต้องไม่ขายแค่ขนมเพียงอย่างเดียว
อาจจะต้องมีเครื่องดื่มร้อน-เย็นขายควบคู่ไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องยากมากในสมัยนี้ในการหาทำเลทอง
ดังนั้น จึงอาศัยไปขายตามงานแสดงสินค้าใหญ่ ๆ”

นงคราญบอกว่า จากวาฟเฟิลแผ่นธรรมดา ๆ ก็ได้คิดพัฒนารูปแบบและรสชาติของขนมให้ทันสมัยไปตามกาลเวลา
เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับขนมที่ขาย ซึ่งปัจจุบันวาฟเฟิลโยเกิร์ตของร้านนี้ก็มีทั้ง..วาฟเฟิลแบบแผ่น,
วาฟเฟิลโดและวาฟเฟิลฮอทดอก ซึ่งตัววาฟเฟิลแบบแผ่นนั้นจะโรยหน้าด้วยเม็ดข้าวโพดดิบ,เม็ดมะม่วงหิมพานต์,
ลูกเกด ส่วนวาฟเฟิลแผ่นช็อกโกแลตจะโรยหน้าด้วยเม็ดช็อกโกแลตชิพ

มาดูกันว่าเจ้าขนมวาฟเฟิลโยเกิร์ตนี้มีวิธีการทำอย่างไร ?
เริ่มที่อุปกรณ์ ก็มีเครื่องตีแป้ง,ตะกร้อตีแป้ง,เตาอบวาฟเฟิล (แบบกลม และแบบสี่เหลี่ยม)
ราคาเครื่องละประมาณ 3,000 บาท,เตาอบวาฟเฟิลฮอทดอก ราคาเครื่องละ 7,000 บาท
ซึ่งเจ้าเตาอบนี้ต้องสั่งทำ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์กระจุกกระจิกอย่างเช่น ที่คีบขนม,ที่ตักขนม,ที่ทาเนย,แปรง

วัตถุดิบที่ใช้ทำก็มี แป้งสาลี,ไข่ไก่,เนยสด (เนยเทียมก็ได้),น้ำตาลทราย,เม็ดน้ำตาล,เกลือ,นมสด,
โยเกิร์ต,ผงฟู,ผงช็อกโกแลต นอกจากนี้ก็ยังมี ลูกเกด,ช็อกโกแลตชิพ,เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทุบ,
เม็ดข้าวโพดดิบและไส้กรอก ซึ่งเงินลงทุนครั้งแรกสำหรับอุปกรณ์และวัตถุดิบอยู่ที่ประมาณ 30,000 บาท

นงคราญบอกว่า วาฟเฟิลจะอร่อยหรือไม่อยู่ที่แป้งเป็นสำคัญ ดังนั้นจึงมีวิธีการทำแป้งมาฝากกัน
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 กก.
ไข่ไก่ 5 ฟอง
เนยสดครึ่งก้อน (ละลายแล้ว)
น้ำตาลทราย 400 กรัม
นมสด 1 กระป๋อง
โยเกิร์ต 1/2 กระป๋อง
ผงฟูและเกลืออย่างละนิดหน่อยนำทุกอย่างผสมรวมกันแล้วใช้ตะกร้อตีให้เข้ากัน ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ซึ่งสังเกตว่าแป้งเริ่มเหนียว ข้น และออกสีเหลืองแก่ ๆ ก็เป็นอันใช้ได้

แต่ถ้าเป็นแป้งวาฟเฟิลโด จะต้องใช้เครื่องตีแป้งตี เพราะต้องการที่จะให้แป้งเหนียวเป็นก้อน ซึ่งใช้เวลาตีประมาณ
90 นาที เสร็จแล้วจะต้องนำแป้งแช่ในตู้เย็นด้วย เพราะไม่ได้ใส่สารกันบูด หากเอาไว้ข้างนอกนานแป้งจะเสีย
“เหตุที่ต้องใส่โยเกิร์ตลงไปผสมด้วยนั้น เพราะว่าโยเกิร์ตช่วยทำให้แป้งนุ่มเร็วขึ้น”

สำหรับแป้งทั้งสองอย่างนี้สามารถมีลูกเล่นเพิ่มเติมได้ด้วยการทำเป็นแป้งช็อกโกแลตอีกต่างหาก
ด้วยการผสมแป้งช็อกโกแลต 20 กรัม และน้ำพอประมาณลงไปตีผสมรวมด้วย
ส่วนแป้งที่ทำวาฟเฟิลฮอทดอก ก็มีวิธีทำเหมือนกัน แต่ว่าจะต้องผสมน้ำเพิ่มลงไป โดยกะด้วยสายตาว่า
อย่าให้ข้นหรือเหลวจนเกินไปต่อไปมาเตรียมตัวทำวาฟเฟิลกันได้เลย.....

วาฟเฟิลโยเกิร์ตแบบแผ่น ต้องวอร์มเครื่องอบวาฟเฟิลแบบกลมให้ร้อนเสียก่อน
เมื่อเตาอบร้อนแล้ว ก็ค่อยตักแป้งใส่ลงไปให้เต็มช่อง ขั้นตอนนี้จะว่ายากก็ไม่ยาก จะว่าง่ายก็ไม่ง่าย
ต้องใช้ความชำนาญหน่อยถึงจะทำแผ่นวาฟเฟิลได้สวย จากนั้นอาจแต่งหน้าลูกเกดหรือเม็ดข้าวโพดดิบ
ส่วนวาฟเฟิลช็อกโกแลตจะโรยหน้าด้วยเม็ดช็อกโกแลตชิพ ใช้เวลาอบประมาณ 2 นาทีก็เสร็จเรียบร้อย
ขายในราคาแผ่นละ 30 บาทวาฟเฟิลโด เป็นแผ่นวาฟเฟิลกลม ๆ โดยจะอบในเตาอบสี่เหลี่ยม
ซึ่งจะมีที่อบ 2 ช่องด้านใน ตัวแป้งวาฟเฟิลโดนั้นจะต้องแบ่งเป็นก้อน ปั้นเป็นก้อนกลมขนาด 60 กรัม
แต่ต้องปล่อยไว้สัก 30 นาที ให้แป้งฟูขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ปั้นให้ยัดน้ำตาลเทียมประมาณ 8-10
ก้อนเล็กลงไปด้วย เพื่อสร้างรสชาติความหวาน ถ้าเป็นแป้งช็อกโกแลตก็จะต้องใส่เม็ดช็อกโกแลตชิพให้ดูสวยงาม
และเมื่อเตาอบร้อนแล้วก็วางแป้งลงบนเตาข้างละ 1 ลูก อบประมาณ 2-3 นาที
เท่านี้ก็จะได้วาฟเฟิลโดที่ขายในราคาแผ่นละ 15 บาท

วาฟเฟิลฮอทดอก เตรียมเตาอบสำหรับทำวาฟเฟิลฮอทดอก มีลักษณะเป็นหลุมยาว ๆ 1 เตามี 10 หลุม
เมื่อวอร์มเครื่องร้อนแล้วก็ค่อย ๆ ตักแป้งใส่ลงไปจนเต็มหลุม แล้วใส่ไส้กรอกที่เสียบไม้ไว้แล้วบิดใส่ลงไปในแป้ง
ปิดฝาเครื่องอบลงมา อบประมาณ 4-5 นาที ก็เรียบร้อย ขายในราคาไม้ละ 15 บาท

อีกจุดสำคัญที่ห้ามลืมคือ ก่อนที่จะอบจะต้องทาเตาด้วยไข่ไก่ผสมน้ำมันพืชเสียก่อน
เพื่อมิให้แป้งติดเตา และทุกครั้งที่อบขนมใหม่ก็จะต้องทาใหม่ทุกครั้ง...

ไม่มีร้านประจำ ตระเวนขายตามงานแสดงสินค้า แต่ “วาฟเฟิลโยเกิร์ต”ก็ทำให้นงคราญมีรายได้น่าชื่นใจ

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล /ลัดดาวรรณ์ อนันเต่า :รายงาน
ที่มา: bloggang ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น